ตอนแรกที่หมอวินิจฉัยว่าฉันมีไบโพลาร์ ต้องกินยาไปตลอดชีวิต จะหายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันรู้สึกสิ้นหวัง ความฝันที่จะเป็นสถาปนิกชื่อดังพังทลาย เหมือนโลกทั้งโลกเหลือแต่สีเทา แต่มันก็ทำให้ฉันได้คำตอบที่คาใจมานาน เรื่องความรู้สึกแปลก ๆ พฤติกรรมแปลก ๆ ที่เหมือนไม่ใช่ตัวเอง ความทรงจำบางส่วนที่หายไป ฉันซึมเศร้า ไว้อาลัยอดีตอยู่เงียบ ๆ นานเป็นปี จนวันหนึ่งฉันได้พบกับกลุ่มคนป่วยจิตเวช ที่มีความสามารถมาก มีพลังเหลือเฟือที่จะทำงานเพื่อสังคมจิตเวช ไปประชุมในสภา ไปดูงานต่างประเทศ ฉันรู้สึกทึ่งและได้รับแรงบันดาลใจ จึงนับถือเป็นบุคคลต้นแบบเพื่อวางแผนชีวิตใหม่ของฉันอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นฉันทำทุกอย่างเพื่อเรียนรู้เรื่องไบโพลาร์ การดูแลร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ฉันค้นพบตัวกระตุ้น (Trigger) ซึ่งก็คือเรื่องเลวร้ายในอดีตที่ลืมไปแล้ว บางครั้งฉันเกิดนึกขึ้นได้ แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ มันก็ทำให้ฉันตกใจกลัว ขยักแขยงตัวเอง ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เหมือนถูกคลื่นยักษ์สึนามิพัดปลิวตีลังกาเสียศูนย์ไปพักใหญ่ มันเป็น Trigger ที่ยังคงอยู่และกลับมาเป็นครั้งคราว แต่ทุกครั้งที่ล้ม ฉันจะได้เรียนรู้ว่า ล้มอย่างไรไม่ให้เจ็บมาก จะลุกอย่างไรให้เร็วที่สุด และเทคนิคการรับมือกับตัวกระตุ้นและอาการต่าง ๆ แต่ที่ภูมิใจตัวเองที่สุดคือ ฉันเรียนรู้ที่จะเอาไบโพลาร์ช่วยคนอื่นที่มีปัญหาจิตเวชเหมือนกับฉัน

ด้วยอิทธิพลและแรงสนับสนุนจากบุคคลต้นแบบ ฉันได้ฝึกอบรมการเป็นเพื่อนร่วมทาง (Peer) จนสำเร็จ การเป็น peer คือการทำงานร่วมกับเพื่อนที่มีปัญหาจิตเวช พูดคุยแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเติบโตไปด้วยกัน เราจะช่วยกันหาความฝัน ความหวัง และศักยภาพใหม่ ๆ ของเพื่อนร่วมทาง จนเขาแข็งแรงและพร้อมจะใช้ชีวิตในสังคมด้วยตัวเองต่อไป ฉันเคยได้ช่วยน้องปุ๋ย อายุ 30 ปี เขาปฏิเสธการรักษา ทั้งที่มีอาการจิตเภท (ได้ยินเสียง เห็นภาพหลอน) ให้เข้าแอดมิดที่โรงพยาบาลศรีธัญญา และมาฟื้นฟูต่อเนื่องที่สมาคมเสริมสร้างชีวิต (Living) ที่ฉันทำงานอยู่ ได้แนะนำให้น้องทำบัตรคนพิการ และสามารถเข้ามาฝึกงานอยู่ตึกเดียวกันเกือบสองปี

มันเหมือนเป็นธรรมชาติของผู้ป่วยจิตเวชอย่างเรา ๆ ที่มักเก็บตัวอยู่บ้าน ไม่เข้าสังคม จึงไม่ค่อยมีเพื่อน ก็มันอายนี่ เพื่อนมัธยม มหาวิทยาลัย คุยกันเรื่องหน้าที่การงาน ตำแหน่ง ผลงาน ครอบครัว ลูกเข้าโรงเรียน ใครเปิดบริษัทอะไร แลกนามบัตรกัน ฉันไม่มีอะไรเลย รู้สึกล้มเหลว และไม่มีประโยชน์ ไม่อยากรู้เรื่องอะไรด้วย แต่เดี๋ยวนี้ ฉันพยายามจะไม่พลาดโอกาสการพบปะสังสรรค์ของเพื่อน ๆ ทุกกลุ่ม เพื่อจะบอกว่า ฉันเป็น peer นะ เพื่อนคนไหนรู้จักใครที่กำลังทรมานกับโรคจิตเวช รีบบอกนะ ฉันช่วยได้ ฉันทำงานที่สมาคมเสริมสร้างชีวิต (Living) แล้วฉันก็เอาโบรชัวร์ไปแจก ความรู้สึกล้มเหลวหายไป ฉันไม่อายที่จะบอกว่าฉันมีไบโพลาร์ และต้องหาความฝันใหม่เมื่ออายุ 50 ปี ฉันบอกอย่างภูมิใจว่า เพื่อน ๆ ที่ลิฟวิ่งที่ออกจากโรงพยาบาลไม่มีอะไรทำ อยู่บ้าน ก็มาที่เป็นสมาชิกที่นี่ มาช่วยกันสร้างฝัน หาศักยภาพใหม่ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งเกษตร งานฝีมือ งานเอกสาร คอมพิวเตอร์ เบเกอรี และศิลปะบำบัด ทุกคนจะได้รับฟื้นฟูสุขภาพกาย สุขภาพจิต จนถึงฝึกทักษะอาชีพ และหางานให้ด้วย
ไม่ว่าคุณจะมีจิตเภท ไบโพลาร์ ซึมเศร้า หรืออื่นใด ถ้าคุณยังเก็บตัวอยู่บ้าน ไม่มีอะไรทำ ฉันอยากจะชวนมาเยี่ยมชมการทำงานของพวกเรา ทุกคนเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่ด้วยการลงมือทำเหมือน ๆ กัน เพื่อสักวันจะได้กลับไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าและอยู่ร่วมกับสังคมภายนอกได้อีกครั้ง มาเริ่มต้นลงมือทำกันเถอะ